Monday, January 13, 2014

3 เทรนด์ Ed-Tech ของค.ศ. 2013

ในปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา มีวิวัฒนาการอยู่หลายประเภทที่เป็นที่สนใจของผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น เครื่องพิมพ์สามมิติ (3D-Printer) หุ่นยนต์ส่งของ (Delivery Drone) อุปกรณ์สวมใส่ (Wearables เช่น Google Glass และ Pebbles Smartwatch) และสกุลเงินดิจิตอล (Bitcoin) แต่สำหรับในแวดวงการศึกษา ค.ศ. 2013 ได้นำวิวัฒนาการอะไรมาบ้าง มาดูกัน


  1. MOOC - (มูคก์) - ย่อมาจาก Massive Open Online Course น่าจะเป็น EdTech ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา MOOC คือระบบการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านเว็ปที่รับสมัครนักเรียนนักศึกษาทุกท่านที่สนใจ ข้อแตกต่างหลักระหว่าง MOOC และ E-Learning ก่อนก็คือสังคมออนไลน์หรือ Online Community ระหว่างนักเรียน อาจารย์ และผู้ช่วยสอน จึงทำให้การเรียนการสอนบน MOOC เป็นที่น่าสนใจกว่า E-Learning ก่อนๆเพราะผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบและเรียนรู้ไปกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ

    หลักสูตรส่วนใหญ่ที่อยู่บน MOOC นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย จึงเป็นที่สนใจต่อนักเรียนนักศึกษาเป็นจำนวนมาก

    ในปีที่ผ่านมาเราเห็นบริการ MOOC เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Khan Academy, Coursera, edX และ Udemy โดยที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่างมากมายที่เข้าร่วมให้บริการ เช่น MIT มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์นในแถบอเมริกา ในขณะที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน มหาวิทยาลัยโตเกียว ก็เป็นตัวอย่างมหาวิทยาลัยในแถบเอเชียที่เริ่มให้บริการผ่าน MOOC

    ปีค.ศ. 2013 ถือว่าเป็นปีทองของ MOOC และดูเหมือนว่าความสนใจดังกล่าวน่าจะพัฒนาเพิ่มขึ้นในปีค.ศ. 2014 สำหรับในประเทศไทยแล้ว MOOC ยังคงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักและอาจจะเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ในปี ค.ศ. 2014
     
  2. Mobile Learning - ตัวเลขยอดขายของสมาร์ทโฟนและแท็บแล็ตใน 5 ปีหลังนั้นมีการเติมโต
    อย่างรวดเร็วซึ่งสะท้อนการใช้งานเทคโนโลยีของสังคมปัจจุบันเป็นอย่างดี ในขณะที่จำนวนยอดขายของพีซีนั้นตกลงทุกปี บริษัทวิจัยการตลาดหลายที่เช่น IDC Gartner และ Forrester เชื่อว่า
    ยอดขายแท็บแล็ตจะแซงยอดขายพีซีภายในปีค.ศ. 2015

    ปัจจุบันผู้ใช้งานเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ใช้เวลาส่วนใหญ่กับสมาร์ทโฟนและแท็บแล็ตโดยจะใช้คอมพิวเตอร์เมื่อมีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น เช่น พิมพ์รายงานหรือทำงานอื่นๆที่ใช้การประมวลผล (Processing Power) เยอะๆ

    ฉะนั้นแล้ว สถาบันการศึกษาหลายที่จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่ผ่าน Mobile Device ต่างๆอย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อที่จะทำให้นักเรียนนักศึกษาสามารถเข้าหาถึงสื่อการเรียนการสอนดังกล่าวผ่านอุปกรณ์ที่ตัวเองคุ้นเคยได้ หลายสถาบันได้เลือกที่จะทำให้สื่อการเรียนการสอนประมวลผลได้ดีกับมือถือ (Mobile Optimized) ในขณะที่บางที่ก็เลือกที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นการเรียนการสอนขึ้นมาเองเลย

    เทรนด์ดังกล่าวน่าจะเป็นที่นิยมขึ้นไปเรื่อยๆพร้อมๆกับยอดขายของสมาร์ทโฟนและแท็บแล็ตที่เพิ่มขึ้นทุกปี
     
  3. Social Media - โซเชียลมีเดียนั้นได้มีผลกระทบต่อวิธีการสื่อสารของผู้คนทุกภาคส่วนตั้งแต่ที่ระบบดังกล่าวเป็นนิยมขึ้นมา ซึ่งสังคมการศึกษาก็เป็นหนึ่งในนั้น TechInAsia ได้เปิดเผยสถิติจากทางบริษัท Zocial Inc ว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวน 18 ล้านคน นอกจากนี้ Social Bakers ได้เปิดเผยต่อว่า 32.9% ของจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียนั้นอยู่ในกลุ่ม 18 - 24 ปี
    และมากถึง 63.4% สำหรับกลุ่ม 18 - 34 ปี

    เพราะฉะนั้นแล้วจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เราเริ่มเห็นครูและอาจารย์ในประเทศไทยและต่างประเทศที่หันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ในการสื่อสารกับนักเรียน

    เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักเรียนนักศึกษาสามารถสื่อสารกับครูและอาจารย์ได้ตลอดเวลา จึงทำให้ขีดจำกัดของการเรียนการสอนที่จำเป็นต้องอยู่เฉพาะในห้องเรียนค่อยๆเปลี่ยนไป

    ถึงแม้ว่าการประยุคใช้โซเชียลมีเดียในการศึกษาถือว่าเป็นวิวัฒนาการไปในทางที่ดี แต่หลายสถาบันการศึกษายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการควบคุมการเผยแพร่เนื้อหา ข่าวสาร และสื่อการเรียนการสอนผ่านโซเชียลมีเดียเพราะสื่อส่วนใหญ่ที่ครูและอาจารย์เลือกใช้มักจะเป็นโซเชียลมีเดียส่วนตัว จึงมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเปิดเผยเนื้อหาที่สร้างความเสื่อมเสียมาให้กับทางสถาบันจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยที่ทางสถาบันไม่สามารถควบคุมการเผยแพร่ดังกล่าวได้

    อย่างไรก็ตาม การประยุคใช้โซเชียลมีเดีย หากใช้แบบถูกวิธี สามารถนำประโยชน์มาสู่วงการการศึกษาอย่างแน่นอนเนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถขจัดขีดจำกัดของการเรียนการสอนแบบเก่าไปได้หลายด้าน

    เทรนด์การใช้โซเชียลมีเดียในการศึกษาน่าจะเป็นที่นิยมขึ้นไปเรื่อยๆพร้อมกับการปรับตัวขององค์กรการศึกษาในการบริหารจัดการสื่อโซเชียลมีเดียและอาจจะเริ่มเห็นการประยุคใช้โซเชียลมีเดียองค์กร (Enterprise Social Media) มากขึ้นในปีค.ศ 2014
ทั้ง 3 เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ในการศึกษาที่ทาง 9Pi Company เห็นว่าโดดเด่นที่สุดในปีค.ศ 2013 มีเทรนด์อื่นอะไรบ้างที่น่าสนใจในปีค.ศ 2013? สถาบันการศึกษาของคุณได้มีการประยุคใช้ 3 เทรนด์ที่กล่าวมานี้ในปีที่ผ่านมาบ้างหรือเปล่า? อย่าลืมโพสต์ความคิดเห็นข้างล่างกันนะครับ

ในบทความต่อไป เราจะนำ 5 เทรนด์ในการศึกษาที่น่าสนใจในปีค.ศ 2014 มานำเสนอครับ



Share:

2 comments:

  1. ขอบคุณมากครับ ประชากรของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดๆมากๆ ฝากเว็บเพลงชาติไทย ด้วยนะครับผม

    ReplyDelete
  2. บ้างครั้ง โซเชียลมีเดีย ก็อาจเป็นดาบสองคมได้ครับ เหมือนที่ญี่ปุ่นก็มีทดลองการจำกัดการใช้สมาร์ทโฟนในเด็ก
    ที่อายุต่ำกว่า18ปี ลงมาครับเรียกว่า สมาร์ทโฟน เคอร์ฟิว ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ
    ขอฝากเว็ปdollar loan center reviews

    ReplyDelete

© 9Pi Blog All rights reserved | Theme Designed by Seo Blogger Templates